, ,

JKN ปรับแผนเพิ่มทุนใหม่ เป็น 589 ล้านหุ้น ขาย RO 2 ต่อ 1 ดึง “ยูนิสเตรทช์” ซื้อ PP ราคา 4.50 บาท

JKN ปรับแผนเพิ่มทุนใหม่เป็นจำนวน 589 ล้านหุ้น เสนอขาย RO จำนวน 510 ล้านหุ้น อัตรา 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 3 บาท ขายแบบ PP ให้แก่ เพื่อ “ยูนิสเตรทช์” จำนวนไม่เกิน 66,666,666 หุ้น ในราคาหุ้นละ 4.50 บาท และรองรับการปรับสิทธิของหุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกให้แก่ NHTPE

นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN เปิดเผยผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติให้ยกเลิกมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2566

โดยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มทุนจดทะเบียน การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่แต่ละรายถืออยู่ (Rights Offering) และเพื่อรองรับการปรับสิทธิของหุ้นกู้แปลงสภาพที่ให้สิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญของบริษัท ครบกำหนดปี พ.ศ. 2568 ที่ออกให้แก่ North Haven Thai Private Equity Gemini Company (Hong Kong) Limited (“หุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกให้แก่ NHTPE”)

รวมถึงพิจารณาอนุมัติยกเลิกการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2566 ซึ่งจะจัดขึ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติเรื่องที่เกี่ยวเนื่องกับการเพิ่มทุนจดทะเบียน และจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าว และ ยกเลิกวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุม (Record Date) เนื่องจาก บริษัทมีความประสงค์ที่จะปรับอัตราส่วนการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่แต่ละรายถืออยู่ (Rights Offering) จากเดิมอัตราส่วนการจัดสรรหุ้น 1 หุ้นสามัญ ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน เป็น 2 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน เพื่อลดผลกระทบด้าน Dilution

อีกทั้งภายหลังจากการจัดงานประกวด Miss Universe ปี 2022 ที่นิวออลีนส์ ที่ผ่านมา บริษัท ได้รับกระแสตอบรับที่ดี ทั้งในด้านจำนวนผู้รับชมทั่วโลก และ Partner ทางธุรกิจที่ติดต่อเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพในการจัดประกวดมิสยูนิเวิร์สในปี 2023 – 2025 ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้ลงนามสัญญากับประเทศเอลซัลวาดอร์ เพื่อให้สิทธิในการเป็นเจ้าภาพการจัดประกวดมิสยูนิเวิร์ส สำหรับปี2023 แล้ว

ส่วนเจ้าภาพการจัดประกวดสำหรับปี 2024 – 2025 อยู่ระหว่างรอลงนามสัญญา เป็นผลทำให้บริษัทได้รับการติดต่อจากนักลงทุนที่สนใจจะลงทุนในบริษัท โดยบริษัทมีความประสงค์จะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลเฉพาะเจาะจง (Private Placement) ให้แก่นักลงุทนรายดังกล่าว ซึ่งจะยิ่งส่งผลให้บริษัทมีสภาพคล่องและกระแสเงินสดคงเหลือเพียงพอสำหรับรองรับการชำระคืนเงินกู้และการต่อยอดธุรกิจ

ดังนั้น คณะกรรมการบริษัทจึงเห็นว่าควรยกเลิกมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2566 เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566 และพิจารณาการออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่แต่ละรายถืออยู่ (Rights Offering) ใหม่

โดยมีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จำนวน 294,648,761.50บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 509,831,363.00 บาท เป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 804,480,124.50 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 589,297,523 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อ

1.เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่แต่ละรายถืออยู่ (Rights Offering) 2.เสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) และ3. รองรับการปรับสิทธิของหุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกให้แก่ NHTPE

ทั้งนี้แบ่งเป็น 1.จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 510,043,387 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่แต่ละรายถืออยู่ (Rights Offering) ในอัตราส่วนการจัดสรรหุ้น 2 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยมีราคาเสนอขายหุ้นละ 3.00 บาท กำหนดวัน เวลา จองซื้อและชำระเงินค่าหุ้น วันที่ 11 – 12 และ 17 – 19 เมษายน 2566

2.จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 66,666,666 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ให้แก่ บริษัท ยูนิสเตรทช์ จำกัด (ผู้ลงทุน) ทั้งนี้ การออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวเป็นการเสนอขายหุ้นที่คณะกรรมการบริษัทมีมติกำหนดราคาเสนอขายไว้อย่างชัดเจนเพื่อเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณากำหนดราคาเสนอขาย เท่ากับหุ้นละ 4.50 บาท รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 300,000,000 บาท

และ 3.จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 12,587,470 หุ้น รวมถึงหุ้นส่วนที่เหลือและหุ้นส่วนเกินที่ออกเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัท ตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่แต่ละรายถืออยู่ (Rights Offering) เพื่อรองรับการปรับสิทธิของหุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกให้แก่ NHTPE ตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของหุ้นกู้แปลงสภาพที่ให้สิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญของบริษัท ครบกำหนดปี พ.ศ. (1) เมื่อวันที่ 3 4 5 และ 6 มกราคม 2566 มีการใช้สิทธิแปลงสภาพของหุ้นกู้แปลงสภาพที่ให้สิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญของบริษัทที่ออกให้แก่ Advance Opportunities Fund และ Advance Opportunities Fund 1

โดยหุ้นสามัญที่เกิดจากการใช้สิทธิแปลงสภาพดังกล่าว ถูกกำหนดราคาแปลงสภาพตํ่ากว่าร้อยละ 95 ของราคาตลาด เป็นผลให้บริษัทต้องดำเนินการปรับสิทธิของหุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกให้แก่ NHTPE โดยจะต้องปรับราคาแปลงสภาพเพื่อไม่ให้ผลประโยชน์ตอบแทนใด ๆ ที่ผู้ถือหุ้นกู้แปลงสภาพจะได้รับเมื่อมีการใช้สิทธิแปลงสภาพด้อยไปกว่าเดิม โดยราคาแปลงสภาพใหม่ของหุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกให้แก่ NHTPE หลังการปรับสิทธิซึ่งมีผลบังคับทันทีตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2566 เท่ากับ 6.5724 บาทต่อหุ้น

และ (2) ภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนจำนวนหุ้นที่แต่ละรายถืออยู่ (Rights Offering) ในครั้งนี้ อาจส่งผลให้บริษัทต้องดำเนินการปรับสิทธิของหุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกให้แก่ NHTPE โดยจะต้องปรับราคาแปลงสภาพเพื่อไม่ให้ผลประโยชน์ตอบแทนใด ๆ ที่ผู้ถือหุ้นกู้แปลงสภาพจะได้รับเมื่อมีการใช้สิทธิแปลงสภาพด้อยไปกว่าเดิม

โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนโดยการออกและเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นที่แต่ละราย ถือ และการเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ในครั้งนี้เพื่อใช้ชำระหนี้ เงินกู้ยืมของบริษัทเพื่อเป็นการลดภาระดอกเบี้ยและคงอัตราส่วนทางการเงินของบริษัทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม อันเป็นการเสริมสร้างโครงสร้างเงินทุน และฐานะทางการเงินของบริษัทให้ แข็งแกร่งขึ้น

รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทสำหรับรองรับการดำเนินงานของบริษัททั้งในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งจะสะท้อนต่อผลประกอบการที่ดีขึ้นของบริษัทตามแผนกลยุทธ์การเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนใช้เป็นเงินทุนในการรองรับการขยายการลงทุนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของบริษัท