เจาะคำต่อคำ สุนทรพจน์ “แอน-จักรพงษ์” บนเวทีมิสยูนิเวิร์ส สื่อต่างชาติยกย่องสปีชเชิดชูพลังหญิง
สื่อด้านความหลากหลายทางเพศชื่อดังสัญชาติอังกฤษ “Attitude” ยกย่องสุนทรพจน์เสริมสร้างพลังหญิงของ คุณแอน-จักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ซีอีโอ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และเจ้าขององค์กรมิสยูนิเวิร์ส ว่าเป็นสุนทรพจน์ที่มีความหมายลึกซึ้งในการส่งเสริมพลังหญิง
เจาะคำต่อคำพร้อมความหมายของสุนทรพจน์ของ คุณแอน-จักรพงษ์ บนเวทีการประกวดรอบตัดสินมิสยูนิเวิร์สครั้งที่ 71 ณ เมืองนิวออร์ลีนส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
Hello the Universe. It has been 70 years that Miss Universe Organization run by men.
สวัสดีค่ะยูนิเวิร์ส นี่ก็ผ่านมา 70 ปีแล้วนะคะ ที่การประกวดมิสยูนิเวิร์สถูกบริหารงานโดย
But now time is up. It’s the moment for women to take lead!
แต่ตอนนี้มันหมดเวลาแล้วค่ะ ถึงเวลาแล้วที่ผู้หญิงจะขึ้นเป็นผู้นำบ้าง
Welcome to the new era of Global Women’s empowerment platform.
ยินดีต้อนรับสู่ยุคใหม่ของเวทีที่เสริมพลังให้กับผู้หญิงระดับโลก
Welcome everyone to the evolution of Miss Universe Organization.
ยินดีต้อนรับทุกคนสู่การประกวดมิสยูนิเวิร์สที่ถูกยกระดับขึ้นไปอีกขั้น
From now on, it’s going to be run by women, owned by a Transwoman for ALL Women around the world
หลังจากนี้จะถูกบริหารงานโดยผู้หญิง และเป็นเจ้าของโดยผู้หญิงข้ามเพศเพื่อให้ทุกคนจากทั่วโลก
to celebrate the Power of Feminism, The Pride of diverse cultures, Social Inclusion, Gender Equality, Creativity, the Force for good and The Beauty of Humanity.
ได้มาเฉลิมฉลองแนวคิดแห่งสตรีนิยม ความหลากหลายทางวัฒนธรรม การให้โอกาสทางสังคม ความเท่าเทียมทางเพศ ความคิดสร้างสรรค์ แรงขับเคลื่อนแห่งความดี และความงดงามของมนุษย์ปุถุชน
I was born as a Transwoman who got bullied and sexually harassed.
ตั้งแต่ที่ฉันเกิดมาเป็นสาวข้ามเพศ ฉันถูกกลั่นแกล้งและถูกคุกคามทางเพศตั้งแต่ยังเด็ก
When I was young, I was not accepted by society because they didn’t want to embrace my differences.
ฉันก็ไม่ได้ถูกสังคมยอมรับ เพราะพวกเขาไม่ได้เปิดใจและยอมรับในความแตกต่างนี้
But guess what, I chose not to surrender. I turned pain into power, and I transformed the life lessons into wisdom.
แต่รู้ไหมคะ ฉันเลือกที่จะไม่ยอมแพ้ ฉันเปลี่ยนความเจ็บปวดเป็นพลัง และฉันนำประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตมาเป็นบทเรียน
With this stage, we can elevate all women to feel strong enough, good enough, qualified enough and never be objectified again.
และด้วยเวทีนี้ เราสามารถยกระดับผู้หญิงทุกคนให้รู้สึก แข็งแกร่งมากพอ ดีพอ มีคุณภาพเพียงพอ ที่จะไม่ถูกมองเป็นวัตถุอีกต่อไป
Therefore, I would like to introduce the Transformational Leadership concept to enhance the organization’s long-standing values and heritage as a guiding light, shining bright to the future glory.
ดังนั้น ดิฉันอยากจะแนะนำแนวคิด Transformational Leadership หรือการเป็นผู้นำที่สร้างการเปลี่ยนแปลง เพื่อที่จะยกระดับคุณค่าที่มีมานานของกองประกวด ให้เหมือนเป็นแสงนำทาง ส่องสว่างให้กับอนาคตที่สดใสของเราทุกคน
การขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ของ คุณแอน-จักรพงษ์ ในครั้งนี้ถือเป็นการประกาศทิศทาง วิสัยทัศน์ และพันธกิจในการบริหารองค์กรมิสยูนิเวิร์ส สื่อ Attitude ของอังกฤษบรรยายว่า การกล่าวสุนทรพจน์ของคุณแอนครั้งนี้เป็นการประกาศความเป็นยุคใหม่ของการประกวดนางงาม ที่จะช่วยยกระดับผู้หญิงให้แข็งแกร่งมากขึ้น ดีมากขึ้น และ มีคุณภาพมากขึ้น และส่งเสริมความหลากหลายในเรื่องเชื้อชาติ วัฒนธรรม และความหลากหลายทางเพศ
ขณะเดียวกันสื่อ Cosmopolitan ของฟิลิปปินส์ ต่างก็ยกย่องสุนทรพจน์ คุณแอน-จักรพงษ์ ว่าเป็นสุนทรพจน์ที่ช่วยเสริมสร้างพลังให้แก่ทุกคน โดยเฉพาะในเรื่องของการเปลี่ยนแปลง ประโยคที่เป็นไฮไลท์ที่สื่อ Cosmopolitan นำมาเน้นย้ำ คือประโยค “But guess what, I chose not to surrender. I turned pain into power, and I transformed the life lessons into wisdom. แต่รู้ไหมคะ ฉันเลือกที่จะไม่ยอมแพ้ ฉันเปลี่ยนความเจ็บปวดเป็นพลัง และฉันนำประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตมาเป็นบทเรียน” รวมถึงประโยคเช่น “With this stage, we can elevate all women to feel strong enough, good enough, qualified enough and never be objectified again. และด้วยเวทีนี้ เราสามารถยกระดับผู้หญิงทุกคนให้รู้สึก แข็งแกร่งมากพอ ดีพอ มีคุณภาพเพียงพอ ที่จะไม่ถูกมองเป็นวัตถุอีกต่อไป” ทาง Cosmopolitan บรรยายว่า ทั้ง 2 ประโยคนี้เป็นการให้คำจำกัดความของแนวคิด Transformational Leadership หรือผู้นำที่สร้างการเปลี่ยนแปลง ได้อย่างดีมาก
ถือว่าการสุนทรพจน์ของ คุณแอน-จักรพงษ์ บนเวทีการประกวดมิสยูนิเวิร์สครั้งที่ 71 เป็นการประกาศความพร้อมอย่างเป็นทางการขององค์กรมิสยูนิเวิร์สที่จะก้าวเข้าสู่มิติใหม่ของการประกวดที่จะขับเคลื่อนสังคม และสร้างผู้หญิงให้เป็นผู้นำแห่งการปฏิรูปสังคม และจะทำให้ประเทศไทยได้รับการยกย่องในสายตาของคนทั้งโลก รวมถึงเป็นพลังในการขับเคลื่อนสังคมโลกไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในทุกมิติ