JKN ยันเป้าหมายรายได้เติบโต 20% ตามแผน หลังลูกค้าเก่าซื้อคอนเทนต์เพิ่ม
JKN ยันเป้าหมายรายได้เติบโต 20% ตามแผน
หลังลูกค้าเก่าซื้อคอนเทนต์เพิ่ม ชดเชยรายได้ทีวีดิจิทัลคืนช่อง
‘บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย หรือ JKN’ ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากล รับผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลคืนใบอนุญาติกระทบต่อการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์บางส่วนเท่านั้น เนื่องจากได้ลูกค้ารายใหม่เซ็นซื้อคอนเทนต์นำไปออกอากาศเพิ่ม ช่วยชดเชยรายได้ที่หายไป พร้อมมองแง่บวกภาครัฐยกเว้นค่า License 2 งวดสุดท้ายช่วยลดต้นทุน หนุนผู้ประกอบการมีเงินมาลงทุนในคอนเทนต์มากขึ้น มั่นใจปีนี้เติบโตตามแผนที่วางไว้ 20%
คุณจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากล เปิดเผยว่า หลังจาก กสทช.เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสถานีทีวีดิจิทัลคืนไลน์เซนส์ช่องทีวีนั้น โดยพบว่า มีผู้ประกอบการคืนช่องจำนวน 7 รายนั้น ประเมินว่ากระทบต่อการดำเนินธุรกิจจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ของ JKN บางส่วนเท่านั้น เนื่องจากผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลที่คืนไลเซนส์นั้น เป็นผู้ดำเนินการธุรกิจที่เกี่ยวกับรายการเด็ก เยาวชนและครอบครัว รวมถึงดำเนินธุรกิจสถานีข่าว
ขณะที่กลุ่มคู่ค้าหลักของ JKN ที่ประกอบด้วย ช่อง 3HD, ช่อง 8 ยังคงดำเนินธุรกิจทีวีดิจิทัลตามเดิม และได้รับคำยืนยันว่าจะยังคงเดินหน้าซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์ซีรี่ส์อินเดียและฟิลิปินส์ไปออกกาศตามแผนงานเดิม ขณะเดียวกันบริษัทฯ ได้ลูกค้ารายใหม่เซ็นสัญญาซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์เข้ามาเพิ่มเติม ที่มีมูลค่าสัญญามากกว่า 100 ล้านบาท รวมถึงความสำเร็จในการขยายฐานลูกค้าทีวีดิจิทัล เช่น ททบ.5 ซึ่งสามารถชดเชยรายได้บางส่วนที่จะหายไปจากคู่ค้าที่คืนช่องทีวีดิจิทัลแก่ กสทช. ได้
ทั้งนี้ JKN ประเมินว่ามาตรการของภาครัฐที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลด้วยการยกเว้นชำระ
ค่าไลเซนส์ 2 งวดสุดท้าย จะช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการทำให้มีเงินลงทุนในด้านคอนเทนต์มากขึ้น ซึ่งจะ
ส่งผลบวกต่อ JKN ในการขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ได้มากขึ้น เนื่องจากการซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์จะมีราคาถูกกว่าการผลิตคอนเทนต์จากทางสถานีเอง
ดังนั้น บริษัทฯ จึงยังคงมั่นใจในแผนงานธุรกิจที่ยังมีความแข็งแกร่งและสร้างการเติบโตที่ดีจากการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ภายในประเทศที่ยังรักษาอัตราการเติบโตได้ตามแผน และส่งผลดีต่อภาพรวมผลการดำเนินงานปีนี้ที่มั่นใจว่าจะเติบโต 20% ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
“การคืนช่องทีวีดิจิทัลกระทบต่อรายได้ของบริษัทฯ บางส่วนเท่านั้น เนื่องจากล่าสุดเรามีลูกค้าเดิมที่ได้ลงนามเซ็นสัญญาซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปออกอากาศเพิ่มเติมเข้ามาชดเชย อีกทั้งยังมีการเจรจากับลูกค้ารายอื่นๆ ที่ให้ความสนใจเข้ามาซื้อคอนเทนต์เพิ่มเติม จึงมั่นใจว่าเป้าหมายปีนี้จะผลักดันการเติบโตได้ตามแผนงาน” คุณจักรพงษ์ กล่าว