‘JKN’ เตรียมโกยรายได้ไม่หยุด รับอานิสงส์ COVID ระลอกใหม่ ดันธุรกิจคอนเทนต์พุ่ง ปั้นรายการไลฟ์สไตล์เสิร์ฟความสนุกสุดฟินส่งทุกแพลตฟอร์ม พร้อมนำทัพคอนเทนต์ละครไทยปักธงในใจผู้ชมทั่วโลก
JKN ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากล ประเมินตลาดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ปี 64 ยังแรงต่อเนื่อง หลัง COVID-19 แพร่ระบาดระลอกใหม่ ชูจุดแข็งด้าน CEO Branding ปั้นคอนเทนต์รายการแนวไลฟ์สไตล์ออกอากาศผ่านทีวีดิจิทัลและแพลตฟอร์มออนไลน์ หวังเสริมความหลากหลายด้านลิขสิทธิ์คอนเทนต์มากขึ้น ขณะที่ตลาดต่างประเทศมั่นใจฮอตไม่เลิก หลังช่อง 8 ไว้ใจให้ JKN นำทัพลิขสิทธิ์คอนเทนต์ออกไปจำหน่ายทั่วโลก คาดดันสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่ม คุณจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ผู้นำการจัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับสากลเปิดเผยว่า บริษัทประเมินภาพรวมตลาดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในปี 2564 ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากความต้องการลูกค้าที่ซื้อลิขสิทธิ์เพื่อไปเผยแพร่ผ่านช่องทางทีวีดิจิทัลและแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เพิ่มมากขึ้น เช่น LINE TV,TrueID TV,VIU เป็นต้น ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในหลายพื้นที่ทั่วโลกยังไม่คลี่คลาย รวมถึงประเทศไทย ที่การแพร่ระบาดของ COVID กลับมารุนแรงขึ้นอีกครั้งในหลายจังหวัด ส่งผลให้เจ้าของสถานีทีวีดิจิทัลต้องบริหารความเสี่ยงและลดค่าใช้จ่ายในการผลิตรายการ จึงเป็นโอกาสของ JKN ที่จะทำยอดขายกลุ่มธุรกิจลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในปีนี้ให้เติบโตได้ต่อเนื่อง สำหรับแผนดำเนินงานในธุรกิจจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์นั้น JKN จะตอกย้ำจุดแข็งด้านความหลากหลายของกลุ่มคอนเทนต์ รวม 8 กลุ่ม ครอบคลุมทุกความบันเทิงและสาระความรู้ได้แก่ ซีรีส์จีน ซีรีส์อินเดีย ซีรีส์ฟิลิปปินส์ และสารคดีจากแบรนด์ดังระดับโลก รวมถึงบริษัทได้เริ่มผลิตคอนเทนต์รูปแบบรายการแนวไลฟ์สไตล์ อาหาร และสุขภาพ โดยใช้จุดแข็งด้าน CEO Branding ที่สร้างกระแสความนิยมให้แก่ผู้ชม เพื่อออกอากาศผ่านสถานีทีวีดิจิทัลและผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลของบริษัท ซึ่งช่วยส่งเสริมธุรกิจ COMMERCE สินค้าสุขภาพและความงาม อีกทางหนึ่งด้วย “ในปีนี้ JKN จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์อย่างเต็มตัว โดยในปีที่ผ่านมา JKN ได้เริ่มผลิตรายการแนวไลฟ์สไตล์บ้างแล้ว ซึ่งต่อยอดจากจุดแข็งของเราที่มีความเชี่ยวชาญด้านการทำตลาดและทีมงานที่มีความเป็นมืออาชีพ รวมถึงการมี CEO-Branding ที่แข็งแกร่ง มั่นใจว่าจะช่วยสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้แก่วงการทีวีในเมืองไทยอย่างแน่นอน” ส่วนตลาดต่างประเทศ JKN มีแผนรุกขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยเน้นการนำลิขสิทธิ์คอนเทนต์ซีรีส์ละครไทย ช่อง 3 ไปเปิดตลาดในภูมิภาคอื่นๆเพิ่มเติม รวมถึงบริษัทมีพันธมิตรทางธุรกิจอย่างช่อง 8 และช่อง PPTV ที่ไว้วางใจให้ JKN นำลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปจำหน่ายยังตลาดต่างประเทศเพิ่มเติม ซึ่งบริษัทพร้อมนำความเชี่ยวชาญด้านการทำตลาดไปสร้างกระแสละครไทยให้โด่งดังไปทั่วโลก ส่งผลให้ปี 2564 จะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น จาก ณ สิ้นปี 2563 ที่มีสัดส่วนรายได้ใกล้แตะ 40%